Monday, June 28, 2021

ถ้ากลัวการเปิดใจให้คนใหม่ ให้ทำแบบนี้

 

สำหรับเพื่อนๆ ที่กลัวการเปิดใจให้คนใหม่ กลัวความผิดหวัง กลัวความเสียใจ วันนี้ทิพย์มีวิธีการเปิดใจให้คนใหม่ แบบที่ช่วยป้องกันความผิดหวัง ความเสียใจแบบครั้งที่ผ่านมามาฝากกันค่ะ ติดตามรับชมได้ในคลิปวีดีโอนี้เลยค่ะ

 

ฝากติดตามช่องยูทูปของทิพย์ด้วยนะคะ TIP Confident

ขอบคุณค่ะ 😘😘

 

อกหัก ผิดหวัง ท้อใจ หมดกำลังใจ ให้ทำสิ่งนี้

 https://youtu.be/vlBnJ2TDsfU

 

หากคุณกำลังอกหัก ผิดหวัง ท้อใจ หมดกำลังใจ ขอให้คุณหันมาโฟกัสที่ตัวเอง รักตัวเอง พัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นค่ะ

ติดตามรับชมได้ในคลิปวีดีโอนี้นะคะ แล้วคุณจะพบกำลังใจในคลิปวีดีโอนี้ค่ะ ^^


ฝากติดตามช่องยูทูปของทิพย์ด้วยนะคะ TIP Confident

ขอบคุณค่ะ 😘😘


Sunday, February 14, 2021

ถ้าเราคุยหลายคน เป็นคนหลายใจ จริงหรอ❓ ถ้าเป็นคนหลายใจ เป็นคนเจ้าชู้ แล้วทำไมถึงเจ้าชู้⁉️

https://youtu.be/UnwMAXvsPVU

ถ้าเราคุยหลายคน เป็นคนหลายใจ จริงหรอ❓ถ้าเป็นคนหลายใจ เป็นคนเจ้าชู้ แล้วทำไมถึงเจ้าชู้⁉️


เปิดหัวข้อนี้มาในวันวาเลนไทน์ อยากรู้มั้ยคะว่า ทิพย์มีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง พลาดไม่ได้เลยนะคะ ไปขมกันเลยค่า


https://youtu.be/UnwMAXvsPVU 

ฝากติดตามช่องยูทูปของทิพย์ด้วยนะคะ TIP Confident

ขอบคุณค่ะ 😘😘

ผู้หญิงแพ้ทางผู้ชายแบบไหน


 สวัสดีค่ะ ห่างหายไปเป็นปีๆ กลับมาคราวนี้ มีช่องยูทูปส่วนตัวมาฝากให้ติดตามกันค่ะ TIP Confident ฝากติดตามด้วยนะคะ 😘😘

สำหรับวันนี้มีเนื้อหาสาระดีๆ ในมุมมองของทิพย์มาฝากกันค่ะ ในหัวข้อ ผู้หญิงแพ้ทางผู้ชายแบบไหน ไปชมกันเลยค่า

https://youtu.be/Rnob_x15lIc

Thursday, June 6, 2013

สงกรานต์ปีนี้ไปทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อการศึกษา - ที่นางรองบ้านเรา


สงกรานต์ปีนี้ กลับบ้านพร้อมกับซองผ้าป่าที่รวบรวมได้จากผู้ใจบุญ (เพื่อนๆ และพี่ๆ ในที่ทำงาน) ผ้าป่านี้เป็นผ้าป่าเพื่อการศึกษาทอด ณ โรงเรียนบ้านหนองตะลุมปุ๊ก โรงเรียนที่ทิพย์เรียนตั้งแต่ชั้นประถมถึงมัธยมต้น ผ้าป่าครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากศิษย์เก่าทั้งหลาย ที่แยกย้ายไปทำงาน ณ ที่ต่างๆ แต่ละปี ก็จะมีโอกาสได้หยุดยาวหลายวันและกลับมารวมตัวกันอยู่ที่งานทอดผ้าป่านี่่แหละ บางคนเปลี่ยนไปซะจนจำกันแทบไม่ได้ (หล่อๆ สวยๆ กันทั้งนั้น ฮ่าๆๆ )..ศิษย์เก่าเหล่านี้นี่เองที่ช่วยกันบอกบุญ เรี่ยไรเงินคนละเล็กคนละน้อย แบ่งออกเป็นหลายๆ สาย พอนำมารวมกันก็เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งทางโรงเรียนจะนำเงินรายได้ส่วนหนึ่งไปจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียนเพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้เทคโนโลยี และสืบค้นข้อมูลต่างๆ และส่วนหนึ่งจะนำไปสร้างรั้วโรงเรียนแบบคอนกรีตเสริมเหล็กที่แข็งแรงและทนทานกว่าในปัจจุบันที่มีลักษะณะเป็นรั้วลวดหนาม

งานบุญงานใหญ่ๆ ของหมู่บ้านเรา ปีนึงมีไม่กี่หนหรอกค่ะ อย่างวันสงกรานต์ที่จัดตั้งกองผ้าป่ากันนี่ จะจัดไปที่วัดซะเป็นส่วนใหญ่ เนื่ิองจากหลายปีที่ผ่านมาจัดทอดผ้าป่าเพื่อสร้างศาลาการเปรียญทดแทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมและรื้อทิ้งไปแล้ว (ซึ่งตอนนี้ก็ยังสร้างไม่เสร็จ) ปีนี้เปลี่ยนมาจัดที่โรงเรียนบ้าง ก็ถือว่าเป็นการช่วยกันพัฒนาวัด พัฒนาโรงเรียน ซึ่งจะว่าไปแล้วทั้งสองแห่งนี้คือแหล่งเรียนรู้และปลูกฝังจิตสำนึก ค่านิยม และให้ความรู้แก่คนในหมู่บ้านเรามาหลายรุ่นแล้วค่ะ พอจัดงานทอดผ้าป่าหาเงินรายได้มาพัฒนาวัด พัฒนาโรงเรียน ทุกคนจึงร่วมมือร่วมใจช่วยกันอย่างเต็มที่ ทิพย์เชื่อว่าคนที่มีความกตัญญูรู้คุณจะประสบแต่ความสุขและความเจริญในชีวิตค่ะ

สำหรับกำหนดการของงานทอดผ้าป่าในครั้งนี้คือ ตั้งกองผ้าป่าวันที่ 13 เม.ย. 56 และทอดผ้าป่าในวันที่ 14 เม.ย. 56 บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ชาวบ้านในหมู่บ้านเราและหมู่บ้านใกล้เคียงมาร่วมงานกันหนาตา ในงานไม่ได้จัดมหรสพอะไรมากนัก มีเพียงรำวงชาวบ้าน และมหาลัย ก.ไก่ รำวงชาวบ้านนี่นะ อดทนสู้แดดกันสุดๆ รำวงกลางแดดกันเลยค่ะ ชาวนาเราแรงดี บางคนเหนื่อยก็มานั่งพัก หายเหนื่อยก็ไปรำต่อ บางคนอยู่ที่งานทั้งวันยันกลางคืนกันเลยก็มี เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข สนุกสนานของใครหลายๆ คนเลยล่ะค่ะ ข้างๆ กับเวทีรำวงชาวบ้าน จะมีโต๊ะบริการน้ำดื่ม และอาหารให้กับผู้ที่มาร่วมงาน ลักษณะเหมือนโรงทาน คือ จะมีผู้ใจบุญรับเป็นเจ้าภาพจัดหาอาหารและน้ำดื่มมาคนละชนิด ใครหิวหรืออยากทานอะไรก็เดินมาหยิบหรือตักทานเองได้เลย (ขอบอกว่าขนมจีนน้ำยาอร่อยมากๆ ) ส่วนมหาลัย ก.ไก่ ก็เฮฮาไม่แพ้กันค่ะ มีลูกค้าแวะเวียนมานั่งเล่นตลอดทั้งวัน วิธีการก็คือ ผู้จัดจะนำกระดาษแข็งมาตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวพอประมาณ แล้วนำปากกาเมจิกมาเขียนตัวอักษร ก.ไก่ ถึง ฮ.นกฮูก ลงบนกระดาษที่เตรียมไว้ แผ่นละเท่ากัน (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะแผ่นละ 6 ตัว) เขียนคละกันไปใน 1 แผ่นจะมีตัวอักษรที่ไม่ซ้ำกัน จากนั้นก็ทำสลากโดยเขียนตัวอักษร  ก.ไก่ ถึง ฮ.นกฮูก ลงในฝาจีบของน้ำอัดลม ฝาละ 1 ตัว ทำเพียง 1 ชุด เวลาเล่นจะขายแผ่นกระดาษที่มีตัวอักษรให้แก่ผู้เล่นเป็นรอบ ราคาใบละเท่าไรขึ้นอยู่กับราคาของรางวัลที่ตั้งไว้ เช่น ใบละ 2 บาท ของรางวัลคือ น้ำอัดลมขนาด 1.25 ลิตร 2 ขวด แบบนี้เป็นต้น เมื่อขายแผ่นกระดาษได้ครบตามจำนวนที่ผู้จัดต้องการแล้ว ก็จะให้ลูกค้าซึ่งก็คือผู้ที่ซื้อแผ่นกระดาษที่ีมีตัวอักษรนั่นแหละค่ะ จับสลากฝาน้ำอัดลมทีละคน ๆ ละ 1 ฝา แล้วส่งให้ผู้จัดอ่านให้ผู้เล่นทุกคนทราบ และมีผู้จัดอีกคนคอยเขียนตัวอักษรที่ผู้เล่นแต่ละคนจับสลากได้ลงบนกระดานดำ โดยให้ผู้จับต่อกันไปเรื่อย ๆ บนแผ่นกระดาษของใครมีตัวอักษรตรงกับที่ผู้จัดอ่านก็ขีดฆ่าออกทีละตัว ถ้าในแผ่นกระดาษของใครมีตัวอักษรถูกขีดฆ่าครบทั้ง 6 ตัวก่อน และตัวอักษรถูกต้องตรงกับที่เขียนไว้บนกระดานดำ ก็ถือว่าเป็นผู้ชนะ และรับรางวัลไป ทิพย์จะไปยืนดูเฉยๆ มันก็ยังงัยๆ อยู่นะ อ่ะ ลองเล่นดูซักหน่อย หมดไป 20 บาท ไม่ชนะเลย สงสัยจะไม่มีดวง ก็เลยหยุดเล่นไป ส่วนน้องชายเล่นชนะครั้งนึง ได้รางวัลเป็นเหล้า 1 แบน น้ำอัดลม 1 ขวด และขนมขบเคี้ยว 1 แพ็ค (ข้างในมี 6 ซอง ๆ ละ 5 บาท) น้องชายหมดเงินไป 80 บาท เล่นรอบละ 2 บาทมั่ง 3 บาทมั่ง 5 บาทมั่ง คิดแล้วก็หลายรอบอยู่นะ เล่นกันแค่พอสนุกๆ ค่ะ พอเล่นหลายรอบเข้าก็เริ่มจะไม่สนุกแล้ว เพราะเสียสตางค์แต่ไม่ได้รางวัล ฮ่าๆ

หลังจากงานผ้าป่าผ่านไปเรียบร้อยแล้ว พักผ่อนอีกไม่กี่วันก็ได้เวลากลับไปทำงาน (อีกแล้ว) จำได้ว่าในตอนนั้นรู้สึกไม่อยากกลับ กทม. เลย ถ้าเป็นเด็กคงร้องไห้งอแงไปแล้วล่ะ..ขับรถออกจากบ้านน้ำตาซึม คิดถึงแม่ คิดถึงพ่อ คิดถึงบ้าน เพื่อนๆ หลายคนคงพอเข้าใจความรู้สึกนี้ดี..การที่ต้องจากบ้านไปไกล มันเศร้าใจมากแค่ไหน..ทุกครั้งที่ได้กลับบ้านแล้วต้องกลับมาทำงาน ก็ยังคงรู้สึกเศร้าใจแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลย..วางแผนไว้ในใจว่า วันหยุดยาวครั้งต่อไป จะกลับบ้านเรา ไปนอนรับไอหนาว ให้ชื่นฉ่ำหัวใจ..แล้วพบกัน วันปีใหม่..ที่..นางรอง..

Tuesday, February 5, 2013

กลับมาอีกครั้ง..ด้วยความคิดถึง - สังสรรค์ที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง (พระราม 3)


เป็นเวลาเกือบสองปีที่ห่างหายจากการเขียนบล็อก กลับมาคราวนี้ มาด้วยความคิดถึง พร้อมกับเรื่องราวมากมายที่อยากจะเล่าสู่กันฟัง..แต่ถ้าเล่าให้หมดภายในครั้งนี้ครั้งเดียวก็เกรงว่าเพื่อนๆ จะขี้เกียจอ่านกันซะก่อน ก็เลยต้องเลือกมาก่อนซักเรื่องนึง ที่ผ่านไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อคืนนี้เอง (4 ก.พ. 56)

เมื่อคืนได้ไปร่วมงานวันเกิดหัวหน้าโอ ที่โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ถนนพระราม 3 ซึ่งทิพย์อยากจะบอกว่า ทิพย์ไม่ได้ออกท่องราตรีแบบนี้มานานมากกกกกกกกก..และก็ห่างเหินจากกลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มนี้นานพอสมควร หลังจากที่ย้ายที่ทำงานใหม่ ก็ขลุกอยู่กับเรื่องงาน และเรื่องเรียน จนไม่มีเวลาพอที่จะไปสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนซักเท่าไหร่ ชวนทีไรติดนู่นติดนี่ทุกทีไป

ที่โรงเบียร์ คืนนี้ผู้คนบางตาเนื่องจากว่าเป็นคืนวันจันทร์ไม่แน่นขนัดเหมือนคืนวันศุกร์วันเสาร์ โต๊ะที่กลุ่มเรานั่งจัดว่าเป็นจุดที่ดีมากๆ เป็นโต๊ะกลาง ไม่ใกล้และไม่ไกลจากเวทีมากเกินไป ทำให้ทิพย์ได้ดูโชว์ต่างๆ ได้อย่างชัดเจน และโชว์ที่นี่สนุกมากๆ ในภาพด้านบนเป็นโชว์เพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (นักร้องชายหล่อมาก) โชว์ในคืนนี้่จะค่อนข้างเน้นเป็นวัฒนธรรมจีน (คิดว่าน่าจะเพราะใกล้วันตรุษจีนก็เป็นได้) แต่ก็มีการแสดงแบบไทยๆ อย่างเช่น มวยไทย รำไทย เป็นแบบจินตลีลา ประยุกต์ให้เข้ากับสากล เนื่องจากมีผู้ชมบางส่วน เป็นชาวต่างชาติ นอกจากนั้นก็เป็นโชว์ของนักร้องเพลงลูกทุ่ง สตริง หมอลำ สากล สลับกันไป ทำให้บรรยากาศไม่น่าเบื่อ (หัวหน้าโอนั่งเก๊กอยู่ตั้งนาน มาตะบะแตกก็ตอนเพลงคนบ้านเดียวกันนี่เอง 555)

สรุปว่างานวันเกิดหัวหน้าโอคืนนี้ สนุกมากๆ อาจเพราะว่าทิพย์ไม่ค่อยได้ออกมาสัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนในที่แบบนี้มานานมากแล้ว และที่ประทับใจที่สุดก็คือมิตรภาพจากเพื่อนๆ ทุกคน ถึงแม้ว่าทิพย์จะห่างเหินจากกลุ่มด้วยภารกิจและหน้าที่ของตัวเอง แต่เมื่อมีโอกาสได้กลับมารวมกลุ่มอีกครั้ง ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม ยังมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ่ที่คุ้นเคยให้กันเช่นเดิม และที่ชอบมากๆ ก็คือ โชว์เพลง ๆ หนึ่ง "อ่อนซ้อม" นักร้องแต่งตัวได้ใจมาก คือแต่งชุดนักมวยออกมาร้อง ออกมาเต้น นานๆ ครั้งจะหมุนตัวให้ได้เห็นว่า กางเกงนักมวยด้านหลังขาดเป็นวง นึกภาพตามนะคะเพื่อนๆ ฮามาก โชว์เขาแน่จริงๆ 555  

Friday, June 17, 2011

ทางสายใหม่?



มาแล้วๆ หลังจากที่ห่างหายจากบล็อกไปหนึ่งเดือนเต็มๆ วันนี้มาพร้อมกับเรื่องราวใหม่ๆ ในชีวิต ที่เตรียมมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันด้วยความตื่นเต้นกับความแปลกใหม่ที่ได้รับ ราวกับปลาได้น้ำใหม่ ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ช่วยจุดประกายแห่งความกระตือรือร้นเพื่อค้นหา เรียนรู้ ปรับตัว ให้พร้อมรับกับสิ่งใหม่ๆ ด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่น และความตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆ องค์กรถึงมีนโยบายให้พนักงานได้มีการปรับเปลี่ยน สลับสับเปลี่ยน หมุนเวียนกันปฏิบัติงานเป็นระยะๆ นี่คือเหตุผลที่รับรู้ได้ด้วยตนเอง แม้จะได้ศึกษาร่ำเรียนมาสักแค่ไหน นั่นเป็นเพียงทฤษฎี ซึ่งตอนนี้ทิพย์รับรู้ได้ด้วยความรู้สึกของตนเองเลยทีเดียว ถ้ามีใครมาถามทิพย์ว่า เห็นด้วยรึเปล่ากับการโยกย้าย สับเปลี่ยนการปฏิบัติงานของพนักงาน ทิพย์จะรีบตอบไปทันทีเลยว่า เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากการโยกย้าย สับเปลี่ยน จะเป็นการป้องกันการสร้างฐานอำนาจในด้านต่างๆ ของตัวบุคคลแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้พนักงานมีความกระตือรือร้นในการทำงาน ปรับปรุงกระบวนการทำงาน และมีความคิดริเริ่มเพื่อที่จะทำในสิ่งใหม่ๆได้อีกด้วย

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2554 เป็นวันที่ทิพย์เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งใหม่ ณ ที่ทำงานแห่งใหม่ (แต่ก็ยังเป็นหน่วยงานของกรุงเทพมหานครเช่นเดิม) ในวันนั้นทิพย์รู้สึกใจหาย มองดูเพื่อนๆ พี่ๆ ที่เคยทำงานด้วยกัน ทุกคนยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อบริการประชาชนอย่างเช่นทุกวัน ใครว่าข้าราชการทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ทิพย์คนหนึ่งล่ะที่ขอปฏิเสธประโยคนี้แบบสุดใจขาดดิ้น เพราะข้าราชการอย่างเราทำงานจนแทบไม่มีเวลาแม้จะปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวกันเลย ลุกไปแล้วก็ต้องรีบกลับด้วยความเป็นห่วงเพื่อนร่วมงานที่นั่งทำงานอยู่ท่ามกลางสายตาของประชาชนสองสามร้อยคู่ แต่ทุกคนก็ยังคงทำงานด้วยความเสียสละและอดทน

ก่อนเดินทางก็ถือโอกาสไปร่ำลาพี่ๆน้องๆ ทุกๆฝ่าย และสุดท้ายที่งานบัตรฯ ฝ่ายทะเบียน เพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคน จะยังคงอยู่ในความทรงจำของทิพย์ โดยเฉพาะพี่ปัท หัวหน้างานบัตรฯ พี่ปัทเป็นผู้ที่สอนอะไรหลายๆ อย่างให้กับทิพย์ เป็นผู้มีพระคุณคนหนึ่งที่ทิพย์จะไม่มีวันลืมเลย หลังจากร่ำลากันเรียบร้อยก็เที่ยงพอดี เราจึงออกเดินทางกัน มีพี่ตี๋ช่วยขับรถไปส่ง พี่แป้น พี่กุ้งก็ไปด้วย ไปถึงที่หมายประมาณบ่ายโมง พี่ๆที่ทำงานใหม่ก็ต้อนรับด้วยความอบอุ่น ดูเป็นกันเอง พร้อมกับคำขู่เล็กๆ ที่ทำให้ทิพย์รู้สึกท้าทายเป็นที่สุด และวันนึงทิพย์ก็จะได้รู้ว่าคำขู่เหล่านั้น เท็จจริงแค่ไหน

หลังจากที่พี่ๆ ทั้ง 3 คน(พี่ตี๋ พี่แป้น พี่กุ้ง)กลับไปแล้ว หัวหน้าฝ่าย(ฝ่ายพรทิพย์) ก็ได้นำหนังสือคู่มือการปฏิบัติงานมาให้ทิพย์ศึกษาไปพลางๆ ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติงานจริงในวันรุ่งขึ้น และแล้ววันแรกของการทำงานก็ผ่านไป..ด้วยความรู้สึกดี

ภาพด้านบน คือชั้นบนสุดของอาคารที่ทิพย์ทำงานอยู่ในปัจจุบัน ช่วงเวลาเย็นๆ ของทุกๆ วัน ทิพย์จะชอบมายืนอยู่ตรงบริเวณนี้ แล้วมองออกไปด้านนอกเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย เรียกความสดชื่นกลับคืนมาหลังจากที่คร่ำเคร่งกับงานมาทั้งวัน..บรรยากาศบนที่สูงช่วยให้เรามองเห็นอะไรต่อมิอะไรได้ไกลจริงๆ..

พรุ่งนี้ ครบรอบ 1 เดือนที่ทิพย์ทำงาน ณ ที่แห่งใหม่ ที่นี่เหมือนเป็นทางเดินสายใหม่ของทิพย์ ที่ทิพย์จะต้องเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด แม้ในวันข้างหน้าทิพย์จะไม่รู้เลยว่า จะอยู่ ณ ที่แห่งใดของหน่วยงานนี้ แต่ที่ทิพย์มั่นใจคือในวันนี้ทิพย์จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจและด้วยความพร้อมที่จะทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ อย่างสุดความสามารถ..

Monday, May 16, 2011

สังสรรค์วันหยุดที่หาดนางรำ


วันหยุดติดต่อกันหลายวันแบบนี้ (13-17พ.ค.54) เป็นโอกาสอันดีเหมาะแก่การท่องเที่ยวอีกเช่นเคย ครั้งนี้ไปกันที่หาดนางรำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ออกเดินทางตอนสายๆ ของวันที่ 15พ.ค.54 ไปแวะบ้านเพื่อนที่บ่อวิน ก่อนที่จะออกเดินทางต่อไปยังหาดนางรำ

หาดนางรำ ชายหาดสวย น้ำใส ทรายขาว ริมชายหาดรายล้อมด้วยทิวสน ที่ชายหาดแห่งนี้ ในวันนี้เต็มไปด้วยผู้คนซึ่งต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ หลบร้อนมาพักผ่อนหาความสำราญใจ บ้างก็พาลูกหลานมาเล่นน้ำทะเล บ้างก็มาเป็นคู่ บ้างก็มากันเป็นหมู่คณะ บางกลุ่มก็จัดเตรียมข้าวปลาอาหารมาจากที่บ้าน บางกลุ่มก็มาซื้อหาอาหารกันที่ร้านค้าริมชายหาด บางกลุ่มก็นำมะละกอและเครื่องปรุงมาตำส้มตำกินกันที่ริมชายหาดเลยก็มี บรรยากาศของที่นี่ก็เลยดูคึกคัก เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแห่งความสุขของผู้คน กลุ่มนู้นบ้าง กลุ่มนี้บ้าง ดังมาเป็นระยะๆ จะว่าไปเสียงหัวเราะนี่ก็สร้างความสุขแก่ผู้ฟังได้เหมือนกันนะ ทำให้สดชื่น ชุ่มฉ่ำใจ ผ่อนคลายสบายใจดีค่ะ

กลุ่มของเราไปกัน 5 คน เตรียมเสื่อ เตรียมเครื่องดื่มไปด้วย เนื่องจากว่าถ้าเราซื้อที่ร้านค้าริมชายหาดจะมีราคาค่อนข้างแพง ทิพย์สั่งส้มตำปูม้าและส้มตำหอยดองมาอย่างละจาน ราคาจานละ 50 บาท หอยแครงลวกจานละ 80 บาท (นับได้ 30 ตัว) คิดเอาไว้ครั้งหน้าเราต้องซื้อหอยแครงแล้วลวกและนำมาเองจะดีกว่า หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จ ก็ได้เวลาพักผ่อน เข้าตำรา หนังท้องตึง หนังตาหย่อน ประกอบกับสายลมเย็นๆ ทำให้ทิพย์รู้สึกง่วงขึ้นมาทันที เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ทิ้งให้กลุ่มเพื่อนสังสรรค์กันไปก่อน..

ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น มาร่วมวงต่อในตอนเย็น แดดร่มลมตกก็ไปเดินเล่นชายหาดซะหน่อย เดี๋ยวใครๆ จะหาว่ามาไม่ถึงทะเล (เพราะเอาแต่กินกับนอน) หกโมงเย็นได้เวลากลับกันแล้ว แวะแสมสาร ซื้อหอยเชลล์กับปลาหมึกมาย่างกินกันต่อที่บ้านเพื่อน ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้านในเวลาสามทุ่ม

ขณะที่นั่งเขียนบล็อคอยู่ก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่า เราไม่ได้ชวนน้องชายคนนึงไปด้วยนี่นา นี่ถ้าโพสต์เรื่องนี้ลงบล็อคแล้วน้องมันจะเคืองเรารึเปล่าที่ไปไม่ชวน เอาเป็นว่า ครั้งนี้อย่าเคืองพี่เลยนะน้อง ครั้งหน้าจะรีบชวนก่อนใครเลย..ขอบคุณน้ำใจจากเพื่อนใหม่พร้อมกับคนพิเศษที่ร่วมเดินทางกันไปในทริปนี้..

Tuesday, May 10, 2011

การเดินทางบนเส้นทางต่างระดับ


เหตุการณ์ที่ทิพย์ได้พบเจอมากับตัวเองนี้ เป็นคนละวัน คนละสถานที่ คนละเส้นทาง และคนละยานพาหนะ เหตุการณ์แรก เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ที่แล้ว (วันนี้วันที่ 10 พ.ค.54) วันนั้นหลังจากเลิกงาน ทิพย์มีนัดสำคัญต้องเดินทางไป จ.สมุทรสาคร ด้วยรถประจำทางของ ขสมก. สาย ปอ.68 บางลำพู-สมุทรสาคร ในช่วงเวลาเย็นๆ แบบนี้ ผู้คนช่างแออัดซะเหลือเกิน ในรถเมล์คันนี้แทบจะไม่มีที่ยืน แต่ด้วยน้ำใจที่เผื่อแผ่ให้เพื่อนร่วมทาง ซึ่งต่างก็มีภาระหน้าที่ความจำเป็นเช่นเดียวกัน จะเบียดเสียดเยียดยัดกันสักแค่ไหน ก็ยินดีที่จะแบ่งที่ยืนให้กันได้อีก เอาน่ะ ใครถึงก่อนคนนั้นก็ลงก่อน ผู้คนเหล่านั้นเขาก็คงจะชินกับสภาพบนรถเมล์เมืองไทยกันแล้วล่ะ แต่ทิพย์นี่สิ ไม่ค่อยได้ใช้บริการรถเมล์ซักเท่าไหร่ ก็เลยค่อนข้างรู้สึกได้ถึงความอึดอัด จนแทบจะถอดใจ ไหนจะข้าวของพะรุงพะรังในสองมือนี่อีกล่ะ หนักก็หนัก จะทนยืนโหนรถเมล์ได้ถึงที่หมายรึเปล่าก็ไม่รู้ มองไปที่เบาะตรงหน้า มีหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับทิพย์นั่งอยู่ ดูแล้วเธอคงจะสบายกาย สบายใจ ไม่คำนึงถึงสภาพเพื่อนร่วมทางที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอเลย เธอแต่งกายดูเก๋ร่วมสมัย กางเกงขาสั้นหลวมๆ สีน้ำตาลเข้ม ทับเสื้อลายดอกไม้เล็กๆ โทนสีเหลืองอ่อน คาดด้วยเข็มขัดเส้นโต ผมของเธอถูกรวบและเกล้าขึ้นด้านบนแบบหลวมๆ เธอกำลังง่วนอยู่กับการแชทบีบีกับใครก็ไม่รู้ บางครั้งเธอก็อมยิ้ม บางครั้งเหมือนเธอกำลังคิด มือเธอก็กดปุ่มแป้นตัวอักษรอย่างคล่องแคล่วซะเหลือเกิน ไม่นานนักเธอก็วางมือจากการแชท ทิพย์จึงได้เห็นว่าที่หน้าจอบีบีของเธอ เป็นรูปของชายหนุ่มหน้าตาดีคนนึง แต่ก็ไม่มีความสำคัญอะไรที่ทิพย์จะต้องรู้ให้ได้ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร รู้แค่ว่าเธอสนใจแต่บีบีเครื่องนั้นจนไม่สนใจสิ่งรอบข้างและเพื่อนมนุษย์รอบตัวเธอเลย ทิพย์จึงละสายตาจากเธอหันไปมองดูสภาพการจราจรด้านนอก ที่ติดขัดซะจนอยากจะลงไปเดินให้มันรู้แล้วรู้รอด ทันใดนั้นเอง ข้าวของในมือทิพย์ก็ถูกดึงออกไป พร้อมกับเสียงที่ได้ยินเบาๆ ว่า "ถือให้ค่ะ" ทิพย์หันไปมองดูถึงได้รู้ว่าเป็นเสียงของเธอคนนั้นเอง เพื่อนๆ คะ ความรู้สึกที่ทิพย์มีต่อเธอในตอนแรกนั้นหายไปทันที แทนที่ด้วยความขอบคุณ พร้อมกับคำว่า "ขอบคุณค่ะ" ให้กับเธอคนนั้น ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่เธอหยิบยื่นให้บนเส้นทางสาย พระราม 2

เหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมานี้เอง วันนั้นทิพย์จะต้องเดินทางไปจังหวัดชลบุรี ต้องนั่งรถไฟฟ้าจากสถานีตากสินไปต่อรถตู้ที่หมอชิต เหตุการณ์บนรถไฟฟ้าคือเรื่องที่ทิพย์จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันค่ะ ครั้งนี้ก็หอบข้าวของพะรุงพะรังด้วยความจำเป็นอีกเช่นเคย บรรยากาศบนรถไฟฟ้าในเวลาบ่ายแก่ๆ แบบนี้ คงไม่ต้องบรรยายเพราะสภาพไม่ต่างกันกับบนรถเมล์เท่าไหร่นัก จะต่างกันก็ตรงที่เรามองไม่เห็นสภาพการจราจรด้านล่าง มองไปนอกหน้าต่างก็เห็นท้องฟ้ากับตึกสูงต่ำสลับกันไป แต่ก็ยังพอทน ดีกว่าเห็นภาพรถติดเป็นไหนๆ..บนรถไฟฟ้านี้ ในตู้นึงมีที่นั่งด้านซ้ายและขวา ด้านละ7ตัว ซึ่งไม่มีที่ว่างสำหรับทิพย์อยู่แล้วล่ะค่ะ สังเกตเห็นว่า 4 คนใน 7 คนที่นั่งอยู่นี้ ในมือของพวกเขาถืออุปกรณ์สื่อสารอย่างน้อยคนละ 1 เครื่อง มี 1 คนกำลังฟังเพลงหรือไม่ก็คงเล่นเกมหรือโหลดหนังดูฆ่าเวลา อีก 3 คนกำลังง่วนอยู่กับการแชทบีบี แบบไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว(อีกละ) เดี๋ยวนี้ผู้คนเขาไม่คุยกันแล้วหรือนี่ เวลาเจอกันเขาจะคุยกันหรือเปล่านะ หรือว่าแชทแล้วก็ไม่จำเป็นต้องคุยกัน หรือว่าในอนาคตคนเราอาจจะเป็นใบ้ พูดไม่ได้ เขียนหนังสือไม่เป็น เพราะไม่จำเป็นต้องพูด ไม่จำเป็นต้องเขียน ใช้มือพิมพ์อย่างเดียว..และข้อควรระวังอีกอย่างก็คือ การแชทมากๆ จะทำให้นิ้วล็อคนะคะ..ก็แค่คิดและเตือนพวกเขาเหล่านั้นอยู่ในใจ ไม่กล้าไปละลาบละล้วงหรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเขาหรอกค่ะ รถไฟฟ้าแล่นผ่านไปเรื่อยๆ สถานีแล้วสถานีเล่า จนถึงสถานีสุดท้าย สถานีหมอชิต เฮ้อ!..ถึงซะที แต่ที่นี่ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง ชลบุรีต่างหากล่ะคือจุดหมายปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้

การเดินทางของทิพย์ทั้ง 2 ครั้ง มีทั้งความเหมือนและความต่าง ที่ทิพย์นำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง เพียงแค่ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคมในปัจจุบัน ในมุมมองของคนหนึ่งคนในสังคมนี้ บางอย่างที่เรามองเห็นเราอาจคิดว่าเป็นเพียงเรื่องธรรมดา และเราก็มองผ่านเลยไป หากเราคิดพิจารณา จะพบว่าสิ่งที่เรามองผ่านเลยไปนั้นแฝงไว้ซึ่งปัญหา เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้น ทำให้คนเรามีปฏิสัมพันธ์กันน้อยลงหรือเปล่า ค่านิยมของสังคมที่ให้ความสำคัญกับวัตถุมากกว่าจิตใจ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่น่าคิดและหาทางแก้ไข..

Tuesday, April 26, 2011

ภาพความทรงจำเมื่อครั้งยังเด็ก

กลับมาอีกครั้ง หลังจากวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ที่ได้มีโอกาสหยุดยาวหลายวัน ทิ้งภาระหน้าที่ หลบหนีความวุ่นวายในเมืองกรุง ไปนอนพักกายพักใจที่บ้านน้อยหลังเดิมที่จากมาร่วมๆ17ปี ตั้งแต่เริ่มเรียน ปวช.ก็จำต้องห่างบ้าน ยิ่งนานวัน เดือน ปี ก็ยิ่งไกลห่างบ้านเราออกไปทุกที เรียน ปวช.กลับบ้านอาทิตย์ละครั้ง เรียน ปวส.เดือนละครั้ง พอทำงาน+เรียนปริญญาตรี นี่ยิ่งไปกันไหญ่ กลับบ้านปีละครั้งสองครั้ง พอได้กลับบ้านบ้านทีก็ได้มีเวลานอนคิดทบทวน ระลึกนึกถึงภาพความทรงจำเก่าๆ ได้นั่งรถผ่านหมู่บ้าน ท้องนา ซึ่งในตอนนี้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน บ้านเรือนหนาแน่นขึ้น ท้องนาดูโล่งกว้างสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้ที่เคยมีไม่รู้มันหายไปไหนหมดนะ เสาธงของโรงเรียนที่ได้เคยศึกษาเล่าเรียนในวันนี้ยังตั้งตระหง่านเช่นเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปก็คงจะเป็นอาคารไม้ที่เคยเป็นอาคารเรียนไม้2ชั้นนั้นถูกรื้อไปนานแล้ว เมื่อก่อนอาคารหลังนี้ ชั้นล่างเป็นห้องเรียนของนักเรียนอนุบาลและนักเรียนชั้น ป.1 ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬา ส่วนชั้น2 เป็นห้องเรียนของนักเรียนชั้น ป.2 -ป.3 และห้องพักครู นึกถึงคุณครูที่เคยพร่ำสอน นึกถึงความเมตตาของคุณครูที่คงมองเห็นแววแห่งความมุ่งมั่นที่มีในตัวลูกศิษย์คนนี้อยู่บ้าง คุณครูที่เคี่ยวเข็ญให้ต้องฝึกคัดลายมือ ฝึกเขียนเรียงความ ฝึกอ่านหนังสือภาษาไทย ทั้งอ่านในใจ-อ่านออกเสียง คุณครูที่เสียสละเวลาตอนเย็นหลังเลิกเรียน วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพื่อฝึกฝนลูกศิษย์ส่งไปเป็นตัวแทนประกวดอะไรต่อมิอะไร ทั้งระดับกลุ่มโรงเรียน-ระดับอำเภอ แต่ที่ทิพย์ภาคภูมิใจไม่ใช่ใบประกาศเกียรติคุณหรือรางวัลที่ได้รับจากการชนะการประกวดประชันอะไรนั่นหรอก(เพราะตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเอาไปเก็บไว้ที่ไหน) แต่ทิพย์รู้สึกซาบซึ้งและภาคภูมิใจที่ได้รับความรัก ความเมตตาปราณีจากอาจารย์ต่างหาก หากไม่มีพวกท่านในวันนั้น ก็อาจจะไม่มีดวงทิพย์ จีนมะโน ในวันนี้..ถึงแม้ทิพย์จะไม่ได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมเยียนท่านเลย แต่พระคุณของครูบาอาจารย์ทุกท่านยังตราตรึงอยู่ในดวงใจของดวงทิพย์ไม่มีวันลืม..

วันเวลาผ่านไป..ไวเหมือนโกหก..หลับตานึกย้อนไปถึงวันเวลาเก่าๆ พอลืมตาตื่นขึ้นจากภวังค์ โอ้โห! นี่มันผ่านไปจะเกือบ20ปีแล้วหรือนี่ ชีวิตที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไป ทั้งความเป็นอยู่ อาชีพการงาน และที่สำคัญคืออายุที่บ่งบอกว่าตัวเรานั้น ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านเรื่องราวทุกข์สุขมาแล้วครึ่งชีวิต แต่ทำไมสถานภาพสมรสในคำร้องขอมีบัตรประจำตัวประชาชนถึงยังเป็น "โสด" เหมือนเดิมก็ไม่รู้ 555+ จะพยายามรักษาสถานภาพนี้ไว้ให้ถึงที่สุด (แต่ไม่รับปากว่าจะนานตราบสิ้นลมหายใจนะคะเพื่อน^^)