Friday, May 21, 2010

ศึกษาดูงานต่อต้านยาเสพย์ติด อุดร-หนองคาย-ลาว


ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณท่านหัวหน้าฝ่ายทะเบียน (ฝ่ายเชาวนาท) ที่กรุณาให้ทิพย์ได้มีโอกาสเข้าร่วมในโครงการศึกษาดูงานต่อต้านยาเสพย์ติดในครั้งนี้ด้วยค่ะ เดินทางไปศึกษาดูงานครั้งนี้ฝ่ายทะเบียนของเราส่งตัวแทนเข้าร่วมในโครงการจำนวน 7 คน (พี่สมชาย พี่ปัญญา พี่แป้น พี่ติ๋ม พี่ตี๋ ก้อย ทิพย์) รถออกเดินทางจากกรุงเทพฯ วันที่ 6พ.ค.53 เวลาประมาณทุ่มครึ่ง ถึงวัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคายก็ประมาณ6โมงเช้าของวันที่7พ.ค.53 หลังจากปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเสร็จก็ร่วมกันรับประทานอาหารเช้าที่วัดโพธิ์ชัย (ข้าวต้ม ต้มเลือดหมู กาแฟ โอวัลติน) และนมัสการหลวงพ่อพระใส
วัดโพธิ์ชัย เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดมหานิกาย ประวัติวัดโพธิ์ชัย เดิมชื่อวัดผีผิว วัดนี้ใช้เป็นที่เผาผีหรือเผาศพ และมีผีดุ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดโพธิ์ชัยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันเป็นสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน ชั้นหลังหล่อด้วยทองสุก(ทองคำที่มีเนื้อทองคำบริสุทธิ์ประมาณ92เปอร์เซนต์ สีทองคำจะมีสีเหลืองเข้มเรียกว่า สีทองสุก) มีพระพุทธลักษณะงดงามมาก ขนาดหน้าตักกว้าง2คืบ8นิ้ว สูงจากเบื้องล่างพระชงฆ์ถึงยอดพระเกศา 4คืบ1นิ้ว มีห่วงกลมขนาดหัวแม่มือจำนวน3ห่วง ติดกับพระแท่นซึ่งหล่อติดกับองค์พระใสสำหรับผูกเชือกติดกับยานเวลาอัญเชิญลงมาแห่รอบเมืองให้ประชาชนได้สรงน้ำในวันสงกรานต์ หลวงพ่อพระใสจัดสร้างขึ้นโดย พระราชธิดาพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์แห่งล้านช้าง ทั้ง3พระองค์ คือ พระสุก พระเสริม และพระใส พระสุกนั้นได้จมลงที่แม่น้ำโขง ขณะอัญเชิญลงมายังกรุงเทพ บริเวณที่พระสุกจมลงชาวบ้านจึงเรียกว่า เวินพระสุก ซึ่งปรากฎอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนพระเสริมนั้นได้อัญเชิญลงมายังกรุงเทพฯ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ วัดปทุมวนาราม
หลังจากที่นมัสการหลวงพ่อพระใสเรียบร้อยแล้ว ก็เดินทางไปศึกษาดูงานต่อต้านยาเสพย์ติด ณ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี และเดินทางเข้าสู่ประเทศลาว ที่ได้ชื่อว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้องกันกับประเทศไทยเรา ไกด์สาวชาวลาวพาเราเข้าชมและนมัสการหลวงพ่อวัดสีเมือง จากนั้นเดินทางต่อไปยังวัดพระแก้วซึ่งเดิมเคยประดิษฐานพระแก้วมรกตซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว)ในประเทศไทย ผ่านประตูชัย(ในภาพด้านบนคือประตูชัยของประเทศลาวค่ะ)เดินทางต่อไปยังวัดพระธาตุหลวง และกลับเข้าสู่ประเทศไทยในเวลาเย็น เข้าพักค้างคืนที่โรงแรมบ้านเชียง อ.เมือง จ.อุดรธานี เช้าวันที่8พ.ค.53 เดินทางไปศึกษาดูงานต้านยาเสพย์ติดและโครงการศิลปาชีพบ้านกำแมด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เข้าเยี่ยมชมโครงการเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนบ้านกำแมด ต่อจากนั้นจึงเดินทางไปศึกษาดูงานเครือข่ายชุมชนแก้ไขปัญหายาเสพย์ติดบ้านสวนมอญ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี และเดินทางกลับที่พัก ณ โรงแรมบ้านเชียง เช้าของวันที่9พ.ค.53 เดินทางกลับกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ ถึงกรุงเทพเวลาประมาณ2ทุ่ม

สรุป ในการเดินทางไปศึกษาดูงานครั้งนี้ ประทับใจกับการต้อนรับของชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้าน คือ ชาวบ้านกำแมด และชาวบ้านสวนมอญ ทุกคนดูเป็นกันเอง ยิ้มแย้มแจ่มใส ต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี ที่ประเทศลาว ได้เห็นนักเรียนนักศึกษาชาวลาวนุ่งผ้าถุงไปเรียน สะท้อนให้เห็นว่าประเทศลาวเค้าได้ปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกให้ลูกหลานอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของประเทศเอาไว้ เราชาวไทยน่าจะหันมาอนุรักษ์วัฒนธรรมของเรากันบ้าง อย่างเช่น เปลี่ยนจากกระโปรงสั้นสูงเหนือเข่า เสื้อรัดรูป มาเป็นนุ่งผ้าถุงพื้นเมือง หรือไม่ก็แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองของแต่ละภาคไปเรียนน่าจะดีน่ะ แต่ที่แน่ๆ หนุ่มๆ หลายคนคงจะคัดค้านกันเป็นแถว ด้วยเหตุผลที่ว่าจะไม่ได้เห็นภาพของน้องๆนักศึกษาแต่งตัวอย่างทุกวันนี้ละมั๊ง หึๆๆ ..ประเทศไทย..เราไปฟังเพลงหลงวัฒน์-คาราบาวกันเถอะ..

สวนนงนุช-พัทยา 2 พ.ค. 53


กลับมาแล้วจ้า หายไปหลายเดือนก็ได้เวลามาอัพเดตข่าวคราวให้เพื่อนๆได้อ่านกันอีกแล้ว ไปครั้งนี้(2พ.ค.53)ก็ไปพัทยาอีกเช่นเคยค่ะ (เพราะว่ามันใกล้ดี) แต่ครั้งนี้ได้มีโอกาสไปชมสวนนงนุชที่เค้าล่ำลือกันนักกันหนาว่าสวยงาม อลังการงานสร้างค่ะท่านผู้ชม น้องชายขับรถมารับแต่เช้า ถึงสวนนงนุชก็ประมาณ 10 โมงเช้า สวนนงนุชอยู่เลยพัทยาใต้ไปตามถนนสุขุมวิท ประมาณ 15 กิโลเมตร ถึงกิโลเมตรที่ 163 แยกซ้ายไปอีก 3.5 กิโลเมตร เป็นสถานพักผ่อนหย่อนใจที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก ภายในสวนมีบ้านทรงไทย สวนไม้ดอก ไม้ประดับนานาชนิด สวยงามมากเลยทีเดียวค่ะ อ้อ มีการแสดงของช้าง และการแสดงต่างๆ เยอะแยะเลยค่ะ ที่ประตูทางเข้าเราต้องซื้อบัตรผ่านประตูก่อน คนละ 100 บาท แต่ถ้าเราจะเข้าชมการแสดงด้วยก็ต้องซื้อบัตรอีกราคานึงนะคะ ไปวันนี้อากาศร้อนอบอ้าว แต่พอไปถึงที่สวนนงนุชฝนตกพอดีเลย บรรยากาศก็เลยชุ่มฉ่ำขึ้นมาหน่อย หลังจากหาที่จอดรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มกันเลย เข้าไปที่ซุ้มทางเข้าเจอเจ้าตัวหน้าตาประหลาด ตัวสีเทาๆ หน้าตาคล้ายๆกับม้า แต่ตัวเล็กกว่า อ๋อ เจ้าลานี่เอง ฮ่าๆๆ ลาโง่ ว่ามันเข้าให้ ทันใดนั้นตาก็เหลือบไปเห็นป้ายติดอยู่หน้าคอกของมันนั่นแหละ เขียนว่า "ผมเป็นลา แต่ไม่โง่นะครับ" อ้าว มันเถึยงเราซะงั้น ฮ่าๆๆ นึกขำตัวเอง ก็เลยกดชัตเตอร์ แชะ! เก็บภาพน่ารักๆของมันไว้ซะเลย กล้าดียังงัยมาเถียงเรา ฮึ! เดินเข้าไปอีกหน่อย มาอีกแล้ว ตัวอะไรอีกเนี่ย นึกอยู่นาน อ๋อ เพื่อนทิพย์เอง แพะรับบาป ฮ่าๆ (งงใช่มั๊ยคะว่ามันเป็นเพื่อนทิพย์ได้งัย ก็ทิพย์เกิดปีแพะนะสิ อิอิ) มีตั้งหลายตัว ตัวเล็กตัวใหญ่ ทั้งแพะ ทั้งแกะ วัว ม้า ควาย กวาง เต็มไปหมดเลย ส่วนที่วิ่งไปวิ่งมาข้างนอกคอกได้จะเป็นแพะกับแกะ พวกมันคุ้นกับคนมาก ข้างในมีถั่วฝักยาวขายให้กับนักท่องเที่ยวได้ซื้อเป็นอาหารของพวกมันด้วย บรรยากาศวุ่นวายน่าดู เพราะถ้ามันเห็นใครถือถั่วฝักยาวไว้ในมือ พวกมันจะกรูกันเข้ามาขอกินกันเป็นฝูงเลย เผลอแป๊บเดียวหมด พอให้อาหารพวกแพะพวกแกะเสร็จ ก็เดินต่อไปถึงเวทีการแสดง เป็นวงดนตรีเล่นกันสดๆ กลางแจ้ง แดดร้อนๆ กันนั่นเลย ขาแดนซ์ข้างล่างนี่ก็เต้นกันจัง สงสัยจะบวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วย ถึงได้มีอารมณ์เต้นกลางแดดร้อนได้กันขนาดนั้น (วันนี้คนมาเที่ยวเยอะมาก สังเกตเอาว่าน่าจะเป็นกรุ๊ปทัวร์ เพราะส่วนใหญ่มีป้ายชื่อกันทุกคน) เดินเลยขึ้นไปข้างบนก็จะพบกับลานน้ำพุ(อยู่ใกล้ๆกับเวทีการแสดงนั่นแหละ) เดินขึ้นไปอีกนิดก็จะเป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับสวยงามมาก เดินชมสวนอยู่นานพอสมควร รู้สึกว่าเริ่มจะเมื่อยกันแล้ว(ทั้งๆที่เดินยังไม่ทั่วเลย) บวกกับสภาพอากาศตอนเที่ยงวันนี่มันช่างร้อนซะจริงๆ เดินต่อไม่ไหวก็เลยออกจากสวนนงนุช มุ่งหน้ากลับมายังพัทยา มานั่งริมชายหาดบรรยากาศเย็นๆ สั่งปูม้า กุ้งนึ่งมานั่งทานเล่น พอถึงเวลาเย็นก็ลงมาเดินเล่นน้ำทะเลซะหน่อย ไหนๆ ก็มาถึงทะเลแล้วนี่นา พระอาทิตย์กำลังตกน้ำ ก้มดูนาฬิกาได้เวลากลับกรุงเทพฯกันแล้วสิ กลับถึงกรุงเทพฯก็ประมาณ 2 ทุ่ม
สรุป ไปเที่ยวครั้งนี้ อากาศร้อนสุดๆ แต่ก็ได้มานั่งพักผ่อนริมชายหาดนี่แหละ รู้สึกผ่อนคลาย สบายใจสุดๆ วางแผนในใจเอาไว้ว่า เที่ยวครั้งหน้าอยากไปเกาะซักแห่ง กลับมานอนคิดดูก่อนว่าจะไปเกาะไหนดี...ไปเที่ยวเกาะกันไหมคะเพื่อนๆ