Friday, August 20, 2010

เรื่องเล่าจากวันหยุด

เรื่องราวที่จะเล่าให้เพื่อนๆ ฟังต่อไปนี้ เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาวว่าควรจะจองตั๋วล่วงหน้า เพื่อป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบจากใครก็ไม่รู้(เพราะหาต้นตอของผู้กระทำไม่เจอ..โยนกันไปโยนกันมา..)

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อครั้งหนึ่งทิพย์จะเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด(จ.บุรีรัมย์) แต่บังเอิญว่าเป็นการเดินทางแบบกระทันหันไม่ได้จองตั๋วรถล่วงหน้าเอาไว้ แถมเป็นช่วงวันหยุดยาวอีกต่างหาก ค่ำวันนั้นตัดสินใจไปใช้บริการรถที่หมอชิต ไปถึงก็ตรงไปซื้อตั๋วที่ช่องบริการเลยค่ะ คิดว่าคงต้องได้รอนานแน่ๆ เพราะเราไม่ได้จองตั๋วไว้ เที่ยวแรกๆ คงจะเต็มหมดแล้ว แต่พอไปถึงพนักงานบอกว่า รถจะออกอีกประมาณ 10 นาที เป็นรถปรับอาศชั้น 1 ถ้าสนใจจะเดินทางในเที่ยวนี้ ก็ต้องจ่ายเงินค่าบริการ 340 บาท ซึ่งเป็นค่าบริการในอัตราปกติจากกรุงเทพฯไปบุรีรัมย์ (เพราะทิพย์เคยใช้บริการมาแล้วหลายครั้ง) ก็เลยตกลงซื้อตั๋วทันที จากนั้นก็รีบไปยังชานชาลาเพื่อขึ้นรถ ไปถึงก็งงๆ เพราะรถที่เห็นกลับไม่ใช่รถ ป.1 อย่างที่เราเคยนั่ง ก็แปลกใจนะ แต่ก็เดินขึ้นไปแบบงงๆ อย่างนั้นแหละ ขึ้นบนรถก็ได้ยินผู้โดยสารที่นั่งอยู่คุยกันว่าทำไมเค้าถึงเอาเปรียบมากขนาดนี้ ตอนขายตั๋วบอกว่าเป็นรถปรับอากาศชั้น 1 แต่พอขึ้นรถจริงๆ กลับเป็นรถ ป.2 สภาพแตกต่างกับรถ ป.1 มาก เราก็เลยขอดูตั๋วของคนที่นั่งข้างๆ เออ เราไม่ได้ขึ้นผิดคันแน่ๆ สักพักก็มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินไปพูดกับพนักงานบนรถถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสารทุกคน ว่าพวกเราทุกคนโดนเอาเปรียบนะ จากนั้นก็พากันลงชื่อ คิดว่าจะต้องเอาเรื่องกับบริษัทนี้แน่ๆ (น้องเค้าบอกว่าจะฟ้อง สคบ.) พอเกิดปัญหาแบบนี้พนักงานก็เลยติดต่อไปหาใครก็ไม่รู้ และอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงก็เอาเงินมาคืนผู้โดยสารทุกคนๆ ละ 100 บาท และเปลี่ยนรถคันใหม่ให้ กว่าจะได้ออกเดินทางทิพย์ต้องนั่งรออยู่บนรถเกือบสองชั่วโมง เข็ดกับการเดินทางแบบกะทันในช่วงเทศกาลไปเลย

เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ทิพย์คิดนะว่า ไม่รู้ว่าจะมีคนที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้กันอีกกี่คน ทุกๆเทศกาลหรือวันหยุดติดต่อกันหลายวันเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วกี่หน แล้วจะมีซักกี่ครั้งที่ผู้โดยสารอย่างเราจะกล้าทวงคืนความเป็นธรรมให้กับตัวเอง นึกชื่นชมในความกล้าของน้องผู้หญิงคนนั้น และอีกหลายๆ คน เมื่อใดที่เราถูกเอารัดเอาเปรียบเมื่อใดที่รู้สึกว่าเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้น และเราไม่ยอมรับกับการกระทำนั้น เราร่วมมือกันต่อต้าน ต่อสู้เพื่อให้ได้รับความยุติธรรมกลับคืนมา เหตุการณ์ในวันนั้นเป็นตัวอย่างของการรวมพลังกันของคนกลุ่มเล็กๆ ที่สามารถเรียกร้องให้ผู้ที่เอารัดเอาเปรียบต้องหันกลับมามองว่า พวกเขาไม่ควรจะทำอย่างนั้นอีก เพราะสิ่งที่พวกเขาได้รับมันอาจไม่คุ้มกับความเสียหายในอนาคต และพวกเขาก็ควรปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นธรรม มีความซื่อสัตย์กับอาชีพของเขาจะดีที่สุด

ถ้าในสังคม คนทุกคน ทุกอาชีพ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความรับผิดชอบ ทั้งต่อตนเองและสังคมแล้ว สังคมนี้คงจะน่าอยู่ขึ้นอีกไม่น้อยเลยทีเดียว..

No comments:

Post a Comment