Wednesday, October 13, 2010

ว่าด้วยเรื่อง..ฆ่าตัวตาย..

ขณะที่คดีฆาตกรรมอำพรางนางแบบสาวเซ็กซี่แห่งนิตยสาร FHM กำลังเป็นที่สนใจของหลายๆ คน และยังอยู่ระหว่างการสืบสวนหาสาเหตุของการตายปริศนาของนางแบบสาวรายนี้ั และอีกไม่นานเราก็คงจะได้ทราบกันว่าจริงๆแล้ว นางแบบสาวคิดสั้นฆ่าตัวตายหรือว่าจะเป็นการฆาตกรรม? พอได้อ่านข่าวนี้ ทิพย์ก็มีเรื่องที่จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง แต่เรื่องที่จะเล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เลย ไม่ใช่การตามล่าหาความจริง วิเคราะห์ หรือสืบเสาะหาเบาะแส ใดๆทั้งสิ้น แต่ประเด็นที่ทิพย์จะหยิบยกมาพูดถึงก็คือ ประเด็นเรื่อง "การฆ่าตัวตาย"

พอทิพย์พูดถึงเรื่องฆ่าตัวตาย เพื่อนๆคงจะพากันคิดแล้วล่ะว่า เอ..วันนี้ทิพย์มาแปลก นึกยังงัยถึงพูดถึงเรื่องนี้ อารมณ์ไหนกันเนี่ย? ไม่ใช่อารมณ์อยากฆ่าตัวตายแน่ๆ อย่าพึ่งคิดไปกันใหญ่ พุทธศาสนาของเราถือว่าการฆ่าตัวตาย (อัตตวินิบาต) เป็นบาปมหันต์ ใครฆ่าตัวตายน่ะ นรกอย่างเดียวเลยค่ะเพื่อนๆ เราชาวพุทธก็ต้องเชื่อในบาป บุญ นรก สวรรค์ (ถึงใครจะพูดขึ้นมาว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจก็เหอะ..นั่นมันก็ถูก จะสุขหรือทุกข์มันก็อยู่ที่ใจเรา) พุทธศาสนาของเราสอนให้ทุกคนทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธิ์ สาธุ..

กลับมาเล่ากันต่อ เมื่อประมาณเดือนก่อน ทิพย์ได้อ่านหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ซึ่งลงข่าวเรื่องวันป้องกันการฆ่าตัวตาย ทำให้ทิพย์ได้ทราบว่า ในวันที่ 10 กันยายน ของทุกปี เป็นวันที่องค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็นวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก ซึ่งปัญหาการฆ่าตัวตายก็เป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย ซึ่งจากรายงานพบว่าอัตราการฆ่าตัวตายอยู่ในปริมาณสูงกว่าปีที่แล้ว และวิธีการฆ่าตัวตายถูกพัฒนาขึ้นมาอีกมากมาย ทิพย์รู้สึกทึ่งค่ะเพื่อนๆ เคยได้ยินแต่การพัฒนาด้านเทคโนโลยี หรือไม่ก็อาวุธยุทโธปกรณ์ ยาต่อต้านหรือยารักษาโรคร้ายแรงต่างๆ แต่นี่แปลก คนเราถึงเวลานึกอยากจะตาย ก็ยังอุตส่าห์พัฒนาวิธีการตายอีก เฮ่อ..

เพื่อนๆ รู้หรือไม่คะว่าการฆ่าตัวตายที่รวบรวมมาได้มีถึง 16 วิธีด้วยกัน คือ การตัดหัว การกรีดเส้นเลือดที่มือหรือคอ การกระโดดน้ำตาย การรมควันด้วยก๊าซพิษ การช็อตด้วยไฟฟ้า การะเบิด การแขวนคอ การกระโดดจากพาหนะที่กำลังเคลื่อนที่ เช่น รถไฟ รถไฟใต้ดิน รถยนต์โดยสารและเรือโดยสาร การกระโดดสะพานและตึกสูง การวางยาและการกินยาตาย การเผาตัวเอง เซ็บปุกุหรือการคว้านท้องแบบซามูไร การยิงตัวตาย การอดอาหารประท้วง การระเบิดพลีชีพ และการฆ่าตัวตายทางอ้อม เช่น การอาสาไปร่วมรบโดยหวังจะถูกยิงตาย(อันนี้ตายแบบไม่ไร้ประโยชน์แต่ถึงยังงัยก็ไม่ดีนะคะ) โดยสถิติขององค์การอนามัยโลกพบว่า ทุก 40 วินาทีจะมีผู้่ฆ่าตัวตายสำเร็จ 1 คน ประเทศที่มีการฆ่าตัวตายสูงสุด ได้แก่ ประเทศลิทัวเนีย และรัสเซีย..

เป็นงัยคะเพื่อนๆ อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้าง ส่วนทิพย์อ่านแล้วหดหู่ค่ะ บอกได้คำเดียวเลยว่าหดหู่มากกกกก..คนเราหนอคนเรา กว่าจะได้เกิดมาเป็นตัวเป็นตน เป็นคนมีชีวิตได้ทุกวันนี้ ต้องต่อสู้ดิ้นรนมาตั้งแต่ก่อนจะได้เกิด ต้องเป็นตัวอสุจิเล็กๆ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แก่งแย่ง แข่งขันกัน เพื่อที่จะได้ปฏิสนธิ เกิดเป็นก้อนเลือดก้อนเนื้อที่มีชีวิต พอได้เกิดกลับเห็นชีวิตของตัวเองไม่มีค่า เจอปัญหาเข้าหน่อย คิดทำลายชีวิตตัวเองไปซะอย่างนั้น ไม่ได้คิดเลยว่ากว่าจะมีชีวิตรอดมาจนเป็นคนสมบูรณ์ได้จนถึงวันนี้ต้องลงทุน ลงแรงไปเท่าไหร่ (ไหนจะพ่อแม่อีกล่ะท่านต้องลงทุนทั้งแรงกายและแรงใจไปตั้งเท่าไหร่ ท่านจะเสียใจแค่ไหน) บางคนบาปหนักเข้าไปอีก ฆ่าตัวตายคนเดียวยังไม่พอ ฆ่าลูก ฆ่าเมีย ฆ่าคนอื่นไปด้วย..(สงสัยว่าตายคนเดียวแล้วกลัวจะเหงามั๊ง?)

ไหนๆ เราก็ต่อสู้ดิ้นรนมาตั้งแต่ก่อนจะเกิดกันแล้ว พอมีชีวิตรอดมาเป็นคนได้ ก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของชีวิตกันต่อไป หยุดซะเถอะค่ะ ใครที่คิดจะฆ่าตัวตายเพื่อการแก้ปัญหา โปรดหยุดคิดสักนิด สัตว์เดรัจฉานมันยังรักชีวิตของมัน เราเป็นคนแท้ๆ อย่าได้แพ้สัตว์เดรัจฉานเลยค่ะ

ที่ทิพย์นำเรื่องนี้มาเล่าก็เพื่อเป็นการให้กำลังใจ และเตือนสติเพื่อนๆ ทุกคน ปัญหาต่างๆ มันมีทางออก เพียงแต่เราต้องมีสติ เมื่อมีสติก็จะเกิดปัญญา มีปัญญาก็จะจัดการกับปัญหาได้แน่นอน ชีวิตอาจไม่สวยงามนักแต่ก็มีทางเลือกให้เราเสมอค่ะ เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ นะคะ วันพรุ่งนี้อาจมีอะไรดีๆ รอเราอยู่ก็ได้ค่ะ ^___^

No comments:

Post a Comment