เมื่อประมาณปลายเดือนที่แล้ว (พ.ย.53) จนถึงต้นเดือนนี้ (ธ.ค.53) เป็นช่วงที่ทิพย์กลับบ้านช้ากว่าปกติเกือบทุกวัน เนื่องจากเป็นช่วงเลือกตั้งซ่อม ส.ส. (เลือกตั้งซ่อม ส.ส. ในวันที่ 12 ธ.ค.53) และก็บังเอิญว่าเย็นวันหนึ่ง ทิพย์เดินผ่านชั้นหนังสือประชาสัมพันธ์ของสำนักงานเขต ซึ่งปกติก็เดินผ่านทุกวันแต่วันนี้มันไม่ปกติก็ตรงที่ว่า มีวารสารฉบับหนึ่งหล่นอยู่ที่พื้น คงเพราะถูกลมพัดตกลงมาจากชั้นหนังสือนั่นเอง ทิพย์ก็เลยกะว่าจะเดินไปหยิบขึ้นไปเก็บไว้ที่เดิม แต่พอหยิบขึ้นมาดู แล้วก็พลิกๆอ่านดูเนื้อหาข้างใน ทำให้ทิพย์เปลี่ยนใจนำวารสารฉบับนี้กลับมาอ่านต่อที่บ้านทันที (ลักษณะเป็นกระดาษคล้ายแผ่นพับ 5 ท่อน มีข้อความหน้าหลัง รวมเป็น 10 หน้า สีสันสวยงาม น่าอ่านดีค่ะ และบนชั้นก็มีวารสารแบบนี้อยู่อีกหลายฉบับค่ะ) แต่ทิพย์ไม่ได้หยิบมาเป็นของตัวเองหรอกนะคะ หลังจากที่นำมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันแล้วก็ต้องนำไปคืนไว้ที่เดิมค่ะ เผื่อว่าประชาชนที่มาติดต่อราชการจะได้อ่านกัน
วารสารฉบับนี้ เป็นวารสารของสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล ปีที่ 3 ฉบับที่ 3 เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2553 เนื้อหาภายในส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของแผนยุทธศาสตร์ของกรุงเทพมหานครค่ะ แต่ที่ทิพย์จะนำมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เป็นส่วนของเกร็ดน่ารู้ ซึ่งเป็นสาระธรรมจากหลวงพ่อชา ที่ให้ข้อคิดในเรื่องการแสวงหาความสุขของมนุษย์และแง่คิดในเรื่องของการใช้ปัญญาในการใคร่ครวญให้หลุดพ้นจากปัญหาหรือความทุกข์อย่างชาญฉลาดค่ะ
เรื่องที่ 1 คนเลี้ยงไก่
มีคนเลี้ยงไก่ 2 คน คนเลี้ยงไก่คนที่ 1 ทุกเช้าจะเอาตะกร้าเข้าไปในโรงเรือนเลี้ยงไก่ แล้วก็เก็บ "ขี้ไก่" ใส่ตะกร้ากลับบ้าน แล้วทิ้งไข่ไก่ให้เน่าไว้ในโรงเรือน เมื่อเขาเอาขี้ไก่กลับถึงบ้าน ทั้งบ้านก็เหม็นหึ่งไปด้วยกลิ่นขี้ไก่ คนทั้งบ้านต้องทนกับกลิ่นเหม็น
คนเลี้ยงไก่คนที่ 2 เอาตะกร้าเข้าไปในโรงเรือนเลี้ยงไก่ เก็บไข่ไก่ใส่ตะกร้าเอากลับบ้าน เขาเอาไข่ไก่ลงเจียว กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบ้าน คนทั้งบ้านได้กินไข่เจียวแสนอร่อย ไข่ไก่ที่เหลือเขาก็เอาไปขาย แล้วได้เงินมาใช้จ่ายในบ้าน ทุกคนในบ้านมีความสุขมาก..
ในชีวิตคนเรา พวกเราเป็นคนเก็บ "ไข่ไก่" หรือ "ขี้ไก่" เราเป็นคนเก็บ "ขี้ไก่" โดยเฝ้าแต่เก็บเรื่องร้ายๆ แย่ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราไว้ในหัวของเรา และมีความทุกข์ตลอดเวลาที่คิดถึงมัน หรือเราเป็นคนที่เก็บ "ไข่ไก่" เราจดจำสิ่งที่ดีๆ ที่เกิดในชีวิตของเรา และมีความสุขทุกครั้งที่คิดถึงมัน คนเราส่วนใหญ่ชอบเป็นคนเก็บ "ขี้ไก่" เราถึงต้องเป็นทุกข์ตลอดเวลา เรื่องความเสียใจ ความผิดพลาด ความเจ็บใจ ฯลฯ มักจะติดอยู่ในใจของเรานานเท่านาน ถ้าเราอยากมีความสุขในชีวิต เลือกเก็บ "ไข่ไก่" กับชีวิต แล้วทิ้ง "ขี้ไก่" ไปเถอะ ชีวิตของเราจะได้มีความสุขซักที..
เรื่องที่ 2 ปรารถนา "ปัญหา" หรือ "ปัญญา"
คำว่า "ปัญหา" กับ "ปัญญา" นั้นมีความใกล้เคียงกันมาก ต่างกันแค่ตัวเดียวคือ "ห" กับ "ญ" ในชีวิตจริง สิ่งที่เรียกว่า "ปัญหา" นั้นก็อยู่ใกล้กับ "ปัญญา" มากเช่นเดียวกัน เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา แทนที่จะคร่ำครวญหรือตีอกชกหัว ลองใคร่ครวญดูให้ดีจะพบว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง ถ้าเรามองสัญญาณนี้ออก นั่นแสดงว่าปัญญาได้เกิดแก่เราแล้ว ขั้นต่อไปก็คือ เปลี่ยนทัศนคติ พฤติกรรม หรือการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง เหมาะสม และชาญฉลาด ไม่ควรมองว่าปัญหาคือ "ทางตัน" ถ้ามองให้ดี ในตัวปัญหานั้นก็มี "ทางออก" ด้วยเหมือนกัน อย่าลืมว่า สลักที่ล็อคประตูนั้นก็เป็นสลักอันเดียวกับที่ใช้เปิดประตู สวิตซ์ที่ปิดไฟก็เป็นอันเดียวกับที่ใช้เปิดไฟให้สว่าง ฉันใดก็ฉันนั้น ในคำถามก็มีคำตอบเฉลยอยู่
จะว่าไปแล้วปัญหาหรือความทุกข์ทั้งหลายไม่ได้มีไว้ให้คร่ำครวญ แต่มีไว้ให้ใคร่ครวญนั่นเอง ในความทุกข์นั้นก็มีทางออกจากความทุกข์แฝงอยู่เสมอ ความทุกข์มีขึ้นก็เพื่อสอนเราให้รู้จักหลุดพ้นจากความทุกข์ ปัญหาเกิดขึ้น ก็เพื่อสอนเราให้เกิดปัญญา ด้วยเหตุนี้ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากคือครูที่มีมาสอนให้เราฉลาดขึ้นนั่นเอง..
ที่ทิพย์นำเอาสาระธรรมทั้งสองเรื่องนี้มาฝากเพื่อนๆ ก็ด้วยความรักและปรารถนาดี อยากให้เพื่อนๆ ทุกคนมีความสุขค่ะ แต่เพื่อนๆจะสุขได้ก็ต้องนำสาระธรรมนี้ไปปฏิบัติให้ได้ด้วยนะคะ ส่วนทิพย์ต้องขอตัวไปทานไข่เจียวหอมๆ ก่อนนะคะ ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ไปทานข้าวไข่เจียวด้วยกันนะคะเพื่อนๆ ^___^
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : วารสารสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล ปีที่ 3 ฉบับที่ 3 เดือนกรกฎาคม - กันยายน 2553
No comments:
Post a Comment