ต้องบอกก่อนว่าไปเที่ยวมาตั้งแต่วันที่11พ.ค.52แล้ว ช่วงนี้งานมันช่างยุ่งซะจริงๆเลยแต่ก็ยังพยายามแบ่งเวลามาเขียนไดอารี่ไว้ให้เพื่อนๆได้อ่านเล่น ไปน้ำตกไทรโยคน้อย (NAM TOK SAI YOK NOI) ครั้งนี้ไปกับเพื่อนๆที่ทำงานด้วยกัน รถไฟออกจากหัวลำโพงตั้งแต่เช้า(6.30น.) วันนี้บรรยากาศดีมาก สดชื่น เย็นสบาย สายๆหน่อยก็ไม่มีแดดเลย บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน เหมาะกับการนั่งรถไฟมากเพราะมันไม่ร้อน (ไม่เหมือนเมื่อครั้งที่แล้วที่ไปสวนสนฯ ครั้งนั้นร้อนสุดๆ) ก็นั่งชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อยๆ ตามสไตล์คนชอบบรรยากาศแบบชนบท มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม สดชื่นจริงๆเล้ย..
ระหว่างทางจะมีลุงคนนึงซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ประจำตู้รถไฟขบวนนี้มาเล่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับทางรถไฟสายมรณะที่เรากำลังเดินทางกันอยู่เนี่ยแหละ คุณลุงเล่าไปเล่ามาก็มีคำถามมาให้พวกเราเล่นสนุกกัน ถ้าใครตอบถูกคุณลุงจะให้รางวัลสมนาคุณ เป็นที่คั่นหนังสือที่ระลึก คำถามแรก คุณลุงถามว่า ในการสร้างทางรถไฟสายมรณะครั้งนั้นมีทหารหลายชาติที่ถูกเกณฑ์มาใช้แรงงานเพื่อสร้างทางรถไฟ แต่มีประเทศเพื่อนบ้านของเราประเทศนึงที่ไม่ถูกเกณฑ์มาในครั้งนี้ คือประเทศอะไร เงียบ ไม่มีใครตอบ ทิพย์ก็เลยตอบแบบเดาๆไปว่าเขมร(กัมพูชา) ปรากฏว่า ถูกต้องนะคร้าบบบบบ คุณลุงแกก็เลยเดินเอาของรางวัลมาให้ พร้อมกับอธิบายประวัติอีกยาวเหยียด ทิพย์ก็นั่งมองๆ ที่คั่นหนังสือก็พบว่ามีชื่อ-สกุลพร้อมเบอร์โทรศัพท์มือถือของคุณลุงด้วย และแล้วก็มองคุณลุงตาละห้อย พร้อมกับตะโกนบอกคุณลุงว่า คุณลุงคะ ขอเปลี่ยนเป็นตั๋วรถไฟนำเที่ยวครั้งหน้าซัก5ใบได้มั๊ยคะ คุณลุงหัวเราะพร้อมกับตอบกลับมาว่า ก็นั่นไงเบอร์โทรลุงถ้าอยากนั่งรถไฟนำเที่ยวฟรีก็บอก ลุงจะให้นั่งข้างหน้านู่นกะลุงน่ะ ฮากระจายค่ะเพื่อนๆ คนทั้งตู้นั่นแหละ ขำกันใหญ่เลย จากนั้นคุณลุงก็ตั้งอกตั้งใจเล่าประวัติเกี่ยวกับทางรถไฟสายมรณะต่อไป พร้อมกับคำถามอีกหลายคำถาม พอทิพย์จะตอบคุณลุงก็บอกว่า หนูไม่ต้องตอบแล้วน๊าหนูรู้ประวัติหมดแล้วก็ตอบได้หมด อ้าว ทำไมละคะคุณลุงครั้งที่แล้วหนูเดาถูกนะคะ ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยนักหรอกค่ะลุง อ้อนวอนขอแกตอบ อยากตอบค่ะเพื่อนๆ คุณลุงแกก็ไม่ยอม เราเองเลยต้องยอมนั่งฟังคุณลุงแกเล่าต่อไป คุณลุงเป็นคนอารมณ์ดีมาก เป็นไกด์นำเที่ยวที่เยี่ยมยอดคนนึงเลยทีเดียวค่ะ แต่น่าเสียดายที่ทิพย์หาที่คั่นหนังสือใบนั้นไม่เจอ ก็เนื่องมาจากว่าเป็นคนชอบอ่านหนังสือนี่แหละค่ะ พอเอาไปใช้คั่นหนังสือจริงๆ ก็เลยหาไม่เจอว่ามันอยู่เล่มไหน ไว้หาเจอเมื่อไหร่จะเอาชื่อพร้อมเบอร์โทรมาบอกเพื่อนๆละกันนะคะ คนอัธยาศัยดีบริการดีแบบนี้น่ายกย่องชมเชยค่ะ..
พอรถไฟถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว ก็หยุดให้พวกเราได้ลงไปถ่ายรูปและเลือกซื้อของที่ระลึกกันประมาณ30นาที ก็ไปต่อพอถึงทางรถไฟที่อยู่ติดๆกะภูเขาส่วนอีกด้านจะเป็นแม่น้ำแคว ตรงนี้หวาดเสียวมากดูในรูปละกันค่ะ แต่อาจไม่ได้อารมณ์หวาดเสียวซะเท่าไหร่ต้องไปนั่งรถไฟเองค่ะ พอถึงก็ก้มหน้ามองลงไปข้างล่างแล้วน่ากลัวสุดๆ ต้องลองไปนั่งรถไฟชมกันเองค่ะเพื่อนๆ..
รถไฟไปถึงน้ำตกไทรโยคน้อยก็เที่ยงพอดี ได้นั่งกินข้าวกันข้างๆน้ำตกนั่นแหละ ไปวันนั้นน้ำตกไม่ค่อยจะมีซักเท่าไหร่เพราะยังไม่ถึงหน้าฝน แต่ทิพย์ล่ะก่อนเพื่อนเลย วิ่งลงน้ำตกเป็นคนแรก น้ำไม่เยอะก็ไม่สนล่ะ มาถึงที่แล้วก็ต้องเล่นให้สะใจไปเลย ถึงเวลากลับก็ไม่อยากจะเลิกเล่นด้วยซ้ำไป แต่เป็นธรรมดางานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา มาเที่ยวก็ต้องถึงเวลากลับ บอกตัวเองว่าครั้งหน้าถ้ามา จะมาช่วงที่น้ำเยอะๆ คงจะเล่นน้ำได้สนุกกว่านี้แน่ๆ กลับมาถึงบ้านก็สามทุ่ม ทันได้ดูสิงห์โต เดอะสตาร์รอบสุดท้ายก่อนประกาศผลว่าใครจะได้เป็นเดอะสตาร์พอดี๊พอดีเลย..
สรุป ไปเที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อยครั้งนี้สนุกสุดๆ ถึงจะหกล้มข้อศอกถลอก หัวปูด จะกระโดดน้ำโดนโขดหินข้างล่างจนส้นเท้าห้อเลือดก็ยังยืนยันว่าสนุกและคุ้มสุดๆ กับค่าตั๋วรถไฟเพียง100บาท แม้เพื่อนๆจะบ่นๆกันว่าน้ำน้อยไปหน่อย แต่สำหรับทิพย์แล้ว จะน้ำมากหรือน้ำน้อยไม่สำคัญ ขอให้มีน้ำให้ทิพย์กระโดดเล่น และบรรยากาศป่าเขาลำเนาไพร ห่างไกลจากความวุ่นวายนี่ก็ดีที่สุดแล้ว
No comments:
Post a Comment