ไปสัมมนาครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณพี่เนตร ฝ่ายการศึกษา สำนักงานเขตบางคอแหลมเป็นอย่างมาก ที่มีน้ำใจชวนน้องทิพย์ไปร่วมเป็นเจ้าหน้าที่ในการสัมมนาระหว่างวันที่23-25ม.ค.54 ทำให้ได้มีโอกาสไปเชียงใหม่ และได้พบกับเรื่องราวที่สุดจะตื่นเต้น ระทึกขวัญ แบบที่เรียกได้ว่า ลืมไม่ลงกันเลยล่ะค่ะ
ออกเดินทางโดยรถบัสในคืนวันที่22ม.ค.54 ตอน4ทุ่ม ไปถึงตากก็ตี4 (เช้าของวันที่23ม.ค.54) และเข้าพักอาบน้ำ ทานอาหารเช้ากันที่โรงแรมเวียงตากริเวอร์ไซด์ 8โมงเช้าเดินทางต่อไปที่เขื่อนภูมิพล เพื่อล่องแพชมทัศนียภาพของเขื่อนภูมิพล วันนี้อากาศดี (แต่ที่กรุงเทพฯฝนตกหนัก) กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าวันนี้อาจจะมีฝนตกทางภาคเหนือ แต่โชคดีค่ะถึงจะดูครึ้มฟ้าครึ้มฝนอยู่บ้างแต่ฝนก็ไม่ตก คณะของเราจึงล่องแพกันได้อย่างสบายใจไม่ต้องกังวลอะไร วันนี้ทานมื้อเที่ยงกันที่แพ มีการร้องเล่นเต้นรำกันเต็มที่ (นึกเสียดายว่า ถ้าเพื่อนๆของทิพย์มากันครบทุกคนคงจะสนุกกว่านี้) ขึ้นจากแพก็เดินทางต่อไปจังหวัดเชียงใหม่ ถึงเชียงใหม่ประมาณ5โมงเย็น เข้าพักที่โรงแรมเซ็นทาราดวงตะวัน ทิพย์ได้พักที่ชั้น19 ห้อง1915ค่ะ ครั้งแรกที่ขึ้นไปถึงห้องพัก โอ้โห! บรรยากาศข้างบนสวยมาก มองจากมุมสูงเห็นเมืองทั้งเมืองไกลสุดลูกหูลูกตาเลยค่ะ ความรู้สึกตอนนั้นรู้สึกว่าโชคดีมากๆ ที่ได้อยู่ชั้น19 ตั้งใจว่าถ้ามาเชียงใหม่อีกรอบจะมาพักที่นี่แหละ แต่ขอเป็นชั้นบนสุดเลย จะได้เห็นตัวเมืองได้ไกลกว่านี้ โทรหาเพื่อนสมัยเรียนบ้านเพื่อนอยู่ที่เชียงใหม่นี่แหละค่ะ แต่ตอนนี้ทำงานอยู่ กทม. โม้ซะเลยว่าได้อยู่ชั้น19 ชวนเพื่อนให้ตามมาอีกต่างหาก แต่เพื่อนไม่มาหรอกค่ะ เขาบอกว่าชวนช้าไป ลางานไม่ทัน..(โชคดีแล้วแหละเพื่อน) พักหายเหนื่อยก็ได้เวลาอาหารค่ำตอนทุ่มครึ่ง ทานเสร็จก็แยกย้ายไปพักผ่อนกันตามอัธยาศัยค่ะ ทิพย์พักกับพี่มนและน้องมิกกี้(ลูกสาวพี่มน) ก็ชวนกันไปเดินดูตลาดไนท์บาร์ซาของเมืองเชียงใหม่ มีข้าวของขายเต็มไปหมด คืนนี้ทิพย์รู้สึกไม่ค่อยสบาย ทำให้ไม่อยากเดินช็อปปิ้งสักเท่าไหร่ เดินได้ซักพักก็ชวนพี่มนกลับห้องพัก สรุปว่าคืนนี้ทิพย์ก็ทานยาแก้ปวดหลับไปตั้งแต่2ทุ่มครึ่งค่ะ
เช้าของวันที่24ม.ค.54 ออกเดินทางไปไหว้พระที่วัดศรีสุพรรณ ที่นี่กำลังสร้างอุโบสถเงินทั้งหลัง สวยงามมากทีเดียว ได้มาไหว้พระทั้งทีก็ถือโอกาสทำบุญสะเดาะเคราะห์เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่นี่มีการทำเครื่องเงินจำหน่ายเป็นของฝาก ของที่ระลึกด้วยนะคะ (ทิพย์ได้สร้อยเงินติดไม้ติดมือกลับมาเส้นหนึ่งค่ะ มีจี้เป็นรูปดอกกุหลาบเล็กๆ น่ารักมาก) จากนั้นก็เดินทางไปชมหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองเชียงใหม่ และวิถีชีวิตวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวเมืองเชียงใหม่ มีเจ้าหน้าที่พาชมห้องจัดแสดงต่างๆ หลังจากชมหอศิลปฯจนทั่วแล้วก็ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดีค่ะ หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จก็เดินทางต่อไปที่บ้านบ่อสร้าง อ.สันกำแพง ซึ่งเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในเรื่องของการทำร่ม (ภาษาทางภาคเหนือเรียก"ร่ม"ว่า"จ้อง"ค่ะ) ร้านค้าที่นี่จะจำหน่ายร่มและหัตถกรรมพื้นบ้านอย่างเช่น ผ้าฝ้าย ของใช้ที่ทำจากไม้ พัด ทิพย์เสียสตางค์ที่นี่มากที่สุด เพราะซื้อของฝากติดไม้ติดมามือมาฝากเพื่อนๆที่ทำงาน ฝากแม่ ฝากน้อง สรุปแล้วของฝากเต็มไปหมด 5โมงเย็นก็หมดเวลาช็อปปิ้ง ได้เวลากลับโรงแรมที่พักกันแล้วล่ะค่ะ
กลับถึงโรงแรมที่พักก็แยกย้ายเข้าห้องพัก และนัดทานอาหารค่ำตอนหนึ่งทุ่มซึ่งทางโรงแรมจัดเป็นงานเลี้ยงแบบบุฟเฟต์ หลังจากทานอาหารเสร็จ ประมาณ2ทุ่ม ทิพย์ก็ชวนพี่มนกลับห้องพัก เพราะรู้สึกว่าเริ่มง่วงขึ้นมานิดๆ คงเพราะฤทธิ์ของยาแก้แพ้ที่ทิพย์ทานเข้าไปก่อนลงไปทานอาหารค่ำนั่นเอง กลับมาห้องพักก็อาบน้ำ จากนั้นก็หยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายภาพของเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืนไว้เป็นที่ระทึกซะหน่อย และก็ไม่ลืมคุยโทรศัพท์ก่อนนอน โม้นู่น นี่ นั่น อีกตามเคย ระหว่างที่กำลังคุยเพลินๆ อยู่ที่มุมนั่งเล่นนั่นเอง (ตอนนั้นเวลาประมาณ3ทุ่ม) รู้สึกว่าพื้นสั่นไหวไปมา ตกใจ! ลุกขึ้นยืน ก็ยังรู้สึกไหวอยู่ พี่มนซึ่งกำลังดูทีวีอยู่กับน้องมิกกี้ ก็ตะโกนบอกว่า ทิพย์! แผ่นดินไหว ทิพย์ตกใจมาก รีบกระโดดหนีออกมุมกระจก คลานเข้าไปหลบใกล้ๆกับชั้นวางทีวี ตาก็เหลือบมองดูโคมไฟที่อยู่ด้านบนของมุมนั่งเล่น เห็นโคมไฟแกว่งไปมา รู้สึกได้ว่าตึกไหวแรงมากๆ พี่มนตะโกนมาอีกทีว่าให้รีบเก็บกระเป๋าสตางค์ แล้วก็พากันวิ่งลงไปข้างล่าง ในใจคิดอยู่ตลอดขอให้ตึกอย่าเพิ่งถล่มนะ ไม่เป็นอะไรนะ ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้เราวิ่งลงไปให้พ้นจากที่นี่ก่อน คิดถึงแม่ คิดถึงน้อง คิดถึงคนที่รักเรา มันกลัวแบบสุดๆ กลัวที่สุดในชีวิตเพราะเราไม่เคยเจอเหตุการณ์แผ่นดินไหวแบบนี้ คิดดูสิคะเพื่อนๆ วิ่งลงมาจากชั้น19 เหนื่อยก็เหนื่อย กลัวก็กลัว ยิ่งเราวิ่งลงมาชั้นล่างๆ คนก็ยิ่งเยอะขึ้นๆ ถ้าใครล้มนี่สงสัยต้องมีเหยียบกันตายแน่ๆ ทิพย์วิ่งลงมาทั้งชุดนอนนั่นเลยค่ะ พอออกมาพ้นจากตัวตึก โล่งอกอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ เฮ้อ! รอดตายแล้วเรา โทรศัพท์หาแม่ หาน้อง หาพี่ โทรถามว่ามีข่าวแผ่นดินไหวรึเปล่า ก็ยังไม่มีใครรู้ข่าว ยังไม่มีทีวีช่องไหนเสนอข่าวแผ่นดินไหว ประมาณ4ทุ่ม ทางโรงแรมจึงอนุญาตให้แขกที่เข้าพักขึ้นห้องพักได้ (ตอน3ทุ่มครึ่งยังไม่ให้ขึ้นเพราะกลัวจะมีแผ่นดินไหวซ้ำอีก) ท่านผู้อำนวยการเขตบางคอแหลม (ท่าน ผอ.บัณฑิต สิทธินามสุวรรณ์) ก็ให้คณะของเราเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมที่พัก และเดินทางกลับ กทม.ในคืนนั้นเอง กลับถึง กทม.ก็ประมาณ10โมงครึ่งของวันที่25ม.ค.54
สรุปว่า การเดินทางไปสัมมนาที่เชียงใหม่ในครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ต้องจดจำแบบไม่มีวันลืมได้เลย จากที่ในตอนแรกดีใจที่ได้พักห้องชั้น19 สูงดี วิวสวย บรรยากาศดี อยากจะไปพักอีกครั้ง กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ ทิพย์กลัวความสูงไปเลยล่ะค่ะ ในภาพด้านบน ทิพย์ถ่ายภาพนี้จากห้องพักชั้น19 ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวประมาณ10นาที เหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ จุดศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศพม่า ความรุนแรงวัดได้ 6.7 ริกเตอร์ ตึกสูงหลายแห่งใน กทม. สามารถรับแรงสั่นสะเทือนได้ด้วยค่ะ แต่ทิพย์นี่สิคะ รับเต็มๆ จดจำแบบไม่มีวันลืมเลยล่ะค่ะ..
No comments:
Post a Comment